ลมหนาวปีนี้มีหนุ่มสาวหลายคู่ที่กำลังมีความรัก
ข้าพระเจ้าขอให้หนุ่มสาวเหล่านั้นจงสมหวังกับความรัก
ขอให้ทุกท่านรักกันนานๆ และใช้ความรักให้เกิดเป็นพลังรักอันยิ่งใหญ่
มีหนุ่มสาวหลายคู่กำลังมองหาที่นั่ง หรือมุมรักอันเป็นส่วนตัวๆ
ข้าพระเจ้าขอแนะนำว่า ควรเป็นใต้ร่มไม้อันสงบที่ใหนสักแห่ง
อาจจะใกล้ๆ กับแหล่งน้ำอันใสเย็นบริสุทธิ์
ความจริงความรักเป็นอะไรที่หอมหวาน หนุ่มสาวท่านใดมีแล้วควรรักษาไว้ให้นานๆ
ควรถนอมน้ำใจ ของกันและกัน
หวังว่าหนุ่มสาว คู่นั้นๆ จะมีความสุขกับความรักอันยิ่งใหญ่
สำหรับความรักของคนกรุงเก่า อโยธยานั้น
มีตำนานให้เห็นมากมาย เช่น ละครเรื่อง นายคร้าว และ แม่ทองกราว เป็นต้น
เป็นความรักที่คลาสสิคมากๆ
ปลายฝนต้นหนาวปีนี้ มีหนุ่มสาวหลายคนนัก ที่กำลังจีบกันและรักกัน
ขอให้ความรักทุกท่าน ลงตัว สวยงาม
ถึงแม้ว่าอนาคต อาจจะมีการแยกทางกัน ก็ขอให้แยกกันด้วยดี
แต่ข้าพระเจ้า ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย
รักกันแล้ว ก็ขอให้รักกันนานๆ และลอยกระทงนี้ ขอให้คู่รัก อธิฐานรักกันอย่างหวานๆ นะครับ
แล้วพระเจ้าจะส่งเสริมให้ความรักของท่านจงมีแต่ความสุข
sky~blog
บล๊อคก๊องแก๊ง สาระดี มีเสน่ห์ เท่เหลือหลาย
วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553
เรามาใช้ชีวิตที่เหลือ เล่นไสยเวทย์ กันเถอะ
=========================================================
ฝึกสอน โดย
อาจารย์ ต๋อง
อาจารย์ ต๋อย
อาจารย์ ชาญ อาจารย์เตี้ย และ พระเกจิหนุ่มอีกหลายท่าน
วัดป่า หนองเดิ่น-ชุมพร
ตำบลชุมพร อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด 45250
เปิดสอน วิชาไสยศาตร์ ไสยเวทย์
=========================================================
เรามาใช้ชีวิตที่เหลือ เล่นไสยเวทย์ กันเถอะ
ตอน ผีถ้วยแก้ว ( ไสยเวทย์ ระดับต้น )
ตามหลักการ ทฤษฎี วัตถุใดๆ ที่จะเคลื่อนตัวได้
จะต้องประกอบไปด้วย แรงขับ, แรงลาก
ยกตัวอย่าง เช่น
รถยนต์วิ่งได้ เพราะ มีแรงขับ
หรือรถลากจะวิ่งได้ ต้องมีวัตถุ อีกตัวหนึ่ง เป็นตัวลาก
ซึ่งเราสามารถมองเห็นวัตถุทั้งสองได้ คือ เห็นรถลาก และ ตัวลาก
แต่แรงขับนั้น ต้องระดับวิศวกรเท่านั้น จึงจะเข้าใจดีว่ามันทำงานเช่นไร
แต่ตามตำราไสยเวทย์นั้น ไม่ได้เป็น เหมือนเช่น ที่กล่าวมา
ช้อนตักอาหารจะหมุนได้ เหมือนมีพลังงานบางอย่าง ควบคุมให้มันหมุน
ซึ่งความจริง ก็คือ
การเรียกเอาวิญญาณ ของใครบางคน มาหมุนช้อนตักอาหาร
เราไม่สามารถมองเห็นวิญญาณ
เพราะวิญญาณ เป็นพลังงาน มวลเบา หรือ เรียกว่า พลังงานโปร่งแสง
พูดง่ายๆ ก็คือ พลังงาน ลม นั่นเอง
ตามหลัก วิทยาศาตร์ พิสูต ได้ คือ
เราใช้แม่เหล็ก ทำให้ซ้อนตักอาหารให้วิ่งไปมาได้
แม่เหล็ก เป็น วัตถุพลังงานมวลหนัก ( "รูป พลังงาน" จับต้องมองเห็นได้ )
ตามหลัก ไสยศาตร์ พิสูต ไม่ได้ คือ
วิญญาณ เป็น พลังงานมวลเบา ( "อะ-รูป พลังงาน" จับต้องมองไม่เห็น )
ความสนุกจะอยู่ตรงที่ว่า
เมื่อปลายช้อนไปหยุดอยู่ที่ใคร
คนนั้นจะต้องไป เติมถ่านไฟเผาศพ คนเดียวในเวลากลางคืน
ส่วนใหญ่เราจะเรียกวิญญานของคนที่ตายและกำลังเผาอยู่นั่นแหละมาหมุนช้อน
ถ้าเขาชอบพระองค์ใด เขาก็จะหยุดปลายช้อนไว้ที่พระองค์นั้น
เพื่อให้ไปเติมถ่านไฟเผาร่างให้เขา
แล้วเขาก็จะมีของดีๆ ฝากพระองค์นั้น เช่น
งวดต่อไป อย่าลืม หวยเด็ดๆ ตัวนั้น ตัวนี้ นะ เป็นต้น
นะจ๊ะ
เดือนหน้าคอยพบกับ ไสยเวทย์ ระดับกลาง
ตอนตามหาขุมทรัพย์มหาสมบัติ ( ขุมทองคำ )
ฝึกสอน โดย
อาจารย์ ต๋อง
อาจารย์ ต๋อย
อาจารย์ ชาญ อาจารย์เตี้ย และ พระเกจิหนุ่มอีกหลายท่าน
วัดป่า หนองเดิ่น-ชุมพร
ตำบลชุมพร อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด 45250
เปิดสอน วิชาไสยศาตร์ ไสยเวทย์
=========================================================
เรามาใช้ชีวิตที่เหลือ เล่นไสยเวทย์ กันเถอะ
ตอน ผีถ้วยแก้ว ( ไสยเวทย์ ระดับต้น )
ตามหลักการ ทฤษฎี วัตถุใดๆ ที่จะเคลื่อนตัวได้
จะต้องประกอบไปด้วย แรงขับ, แรงลาก
ยกตัวอย่าง เช่น
รถยนต์วิ่งได้ เพราะ มีแรงขับ
หรือรถลากจะวิ่งได้ ต้องมีวัตถุ อีกตัวหนึ่ง เป็นตัวลาก
ซึ่งเราสามารถมองเห็นวัตถุทั้งสองได้ คือ เห็นรถลาก และ ตัวลาก
แต่แรงขับนั้น ต้องระดับวิศวกรเท่านั้น จึงจะเข้าใจดีว่ามันทำงานเช่นไร
แต่ตามตำราไสยเวทย์นั้น ไม่ได้เป็น เหมือนเช่น ที่กล่าวมา
ช้อนตักอาหารจะหมุนได้ เหมือนมีพลังงานบางอย่าง ควบคุมให้มันหมุน
ซึ่งความจริง ก็คือ
การเรียกเอาวิญญาณ ของใครบางคน มาหมุนช้อนตักอาหาร
เราไม่สามารถมองเห็นวิญญาณ
เพราะวิญญาณ เป็นพลังงาน มวลเบา หรือ เรียกว่า พลังงานโปร่งแสง
พูดง่ายๆ ก็คือ พลังงาน ลม นั่นเอง
ตามหลัก วิทยาศาตร์ พิสูต ได้ คือ
เราใช้แม่เหล็ก ทำให้ซ้อนตักอาหารให้วิ่งไปมาได้
แม่เหล็ก เป็น วัตถุพลังงานมวลหนัก ( "รูป พลังงาน" จับต้องมองเห็นได้ )
ตามหลัก ไสยศาตร์ พิสูต ไม่ได้ คือ
วิญญาณ เป็น พลังงานมวลเบา ( "อะ-รูป พลังงาน" จับต้องมองไม่เห็น )
ความสนุกจะอยู่ตรงที่ว่า
เมื่อปลายช้อนไปหยุดอยู่ที่ใคร
คนนั้นจะต้องไป เติมถ่านไฟเผาศพ คนเดียวในเวลากลางคืน
ส่วนใหญ่เราจะเรียกวิญญานของคนที่ตายและกำลังเผาอยู่นั่นแหละมาหมุนช้อน
ถ้าเขาชอบพระองค์ใด เขาก็จะหยุดปลายช้อนไว้ที่พระองค์นั้น
เพื่อให้ไปเติมถ่านไฟเผาร่างให้เขา
แล้วเขาก็จะมีของดีๆ ฝากพระองค์นั้น เช่น
งวดต่อไป อย่าลืม หวยเด็ดๆ ตัวนั้น ตัวนี้ นะ เป็นต้น
นะจ๊ะ
เดือนหน้าคอยพบกับ ไสยเวทย์ ระดับกลาง
ตอนตามหาขุมทรัพย์มหาสมบัติ ( ขุมทองคำ )
วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ตำนานขลุ่ยเทพเจ้า ตอน รักแรกพบ
แต่ก่อนผมไม่เคยมีแฟนเลยครับ
เพราะผมเองเป็นคน ขี้เหล่ ไม่หล่อ เหมือนใครๆเขา
และผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมี และไม่มีสาวใดมาชอบเลย
พอมาวันหนึ่ง ผมเล่นเป่าขลุ่ยๆ ของผมอยู่ดี
ก็มีลูกสาวมหาเศรษฐีมาแอบชอบครับ
ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกครับว่าหล่อนเป็นลูกสาวเศรษฐี
เธอเองก็ไม่บอกว่าเธอเป็นใครกันแน่
ได้แต่แอบมาด่อมๆ มองๆ เวลาผมเล่นขลุ่ย
ตัวผมเองชอบเล่นเพลงค้างคาวกินกล้วย
ชอบเลียนแบบ อ.ธนิส ศรีกลิ่นดี
ผมเองฝึกอยู่หลายปีจนเก่ง
วันหนึ่งผมจึงอยากลองเล่นหาเงินบ้าง
จึงเอาขลุ่ยขึ้นไปเป่า บนสะพานลอย
และเอากะลามะพร้าวไปวางไว้เพื่อขอเงินท่านที่เดินผ่านไปมา
ได้เงินบ้างวันละ สี่ห้าร้อย ส่วนมากก็ได้เพราะ ฝีปากการเป่านะครับ
ไม่ใช่เพราะความสงสาร
มาวันหนึ่ง มีสาวสวยคนหนึ่งเดินผ่านมา เธอก็มาหยุดที่ผม
แล้วก็มองแล้วมองอีก แล้วถามว่ามาเล่นอยู่ที่นี่นานหรือยังคะ
เล่นได้เพราะมากนะคะ สนใจจะไปเล่นตามโรงแรมมั๊ย
รายได้ดีนะ อาจจะได้วันละ หลายพันนะ
ผมบอกว่าไม่หรอกครับ ผมพอใจที่จะเล่นอยู่ตรงสะพานนี้มากกว่า ขอบคุณครับ
พอวันต่อมาเธอก็ผ่านมาอีก วันนี้ได้ตังค์เยอะหรือยังครับ
ผมตอบว่ายังเลยครับ คุณผู้หญิง เพิ่งจะได้สามสิบบาทเองครับ
เธอสงสารหรือยังไงไม่รู้ ยื่นธนาบัตรใบห้าร้อยให้ บอกว่าชอบเสียงขลุ่ยมากๆนะ
วันต่อมาก็มาอีก ยื่นเงินให้อีกสามร้อย
วันต่อมาก็มาอีกยื่นเงินให้อีกสองร้อย
วันต่อมาก็ผ่านมาอีกยื่นให้อีกหนึ่งร้อยบาท
ผ่านไปวันแล้ววันเล่าเธอก็ยังให้เงินใช้เสมอไม่เคยขาดเลยวันละร้อยบาท
ผมเองก็ไม่ค่อยได้ใช้เงิน
วันหนึ่งผมจึงเอาเงินที่เธอให้มานับดู
รวมเงินได้ประมาณ ห้าหมื่นบาทที่เธอให้มา
เห็นมั๊ยครับว่า เสียงขลุ่ยเรียกนาง ในตำนานนั้นมีจริงครับ
ตั้งใจเล่นจริง ทำมาหาเลี้ยงชีพได้ครับ
อย่าลืมนะครับ เอาดีสักอย่าง แค่อย่างเดียวก็พอ
พบกับตำนานขลุ่ยเทพเจ้าได้ในตอนต่อไปเดือนหน้าครับ
สำนวนการเขียน โดย บ.ก. โก๋แก
เพราะผมเองเป็นคน ขี้เหล่ ไม่หล่อ เหมือนใครๆเขา
และผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมี และไม่มีสาวใดมาชอบเลย
พอมาวันหนึ่ง ผมเล่นเป่าขลุ่ยๆ ของผมอยู่ดี
ก็มีลูกสาวมหาเศรษฐีมาแอบชอบครับ
ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกครับว่าหล่อนเป็นลูกสาวเศรษฐี
เธอเองก็ไม่บอกว่าเธอเป็นใครกันแน่
ได้แต่แอบมาด่อมๆ มองๆ เวลาผมเล่นขลุ่ย
ตัวผมเองชอบเล่นเพลงค้างคาวกินกล้วย
ชอบเลียนแบบ อ.ธนิส ศรีกลิ่นดี
ผมเองฝึกอยู่หลายปีจนเก่ง
วันหนึ่งผมจึงอยากลองเล่นหาเงินบ้าง
จึงเอาขลุ่ยขึ้นไปเป่า บนสะพานลอย
และเอากะลามะพร้าวไปวางไว้เพื่อขอเงินท่านที่เดินผ่านไปมา
ได้เงินบ้างวันละ สี่ห้าร้อย ส่วนมากก็ได้เพราะ ฝีปากการเป่านะครับ
ไม่ใช่เพราะความสงสาร
มาวันหนึ่ง มีสาวสวยคนหนึ่งเดินผ่านมา เธอก็มาหยุดที่ผม
แล้วก็มองแล้วมองอีก แล้วถามว่ามาเล่นอยู่ที่นี่นานหรือยังคะ
เล่นได้เพราะมากนะคะ สนใจจะไปเล่นตามโรงแรมมั๊ย
รายได้ดีนะ อาจจะได้วันละ หลายพันนะ
ผมบอกว่าไม่หรอกครับ ผมพอใจที่จะเล่นอยู่ตรงสะพานนี้มากกว่า ขอบคุณครับ
พอวันต่อมาเธอก็ผ่านมาอีก วันนี้ได้ตังค์เยอะหรือยังครับ
ผมตอบว่ายังเลยครับ คุณผู้หญิง เพิ่งจะได้สามสิบบาทเองครับ
เธอสงสารหรือยังไงไม่รู้ ยื่นธนาบัตรใบห้าร้อยให้ บอกว่าชอบเสียงขลุ่ยมากๆนะ
วันต่อมาก็มาอีก ยื่นเงินให้อีกสามร้อย
วันต่อมาก็มาอีกยื่นเงินให้อีกสองร้อย
วันต่อมาก็ผ่านมาอีกยื่นให้อีกหนึ่งร้อยบาท
ผ่านไปวันแล้ววันเล่าเธอก็ยังให้เงินใช้เสมอไม่เคยขาดเลยวันละร้อยบาท
ผมเองก็ไม่ค่อยได้ใช้เงิน
วันหนึ่งผมจึงเอาเงินที่เธอให้มานับดู
รวมเงินได้ประมาณ ห้าหมื่นบาทที่เธอให้มา
เห็นมั๊ยครับว่า เสียงขลุ่ยเรียกนาง ในตำนานนั้นมีจริงครับ
ตั้งใจเล่นจริง ทำมาหาเลี้ยงชีพได้ครับ
อย่าลืมนะครับ เอาดีสักอย่าง แค่อย่างเดียวก็พอ
พบกับตำนานขลุ่ยเทพเจ้าได้ในตอนต่อไปเดือนหน้าครับ
สำนวนการเขียน โดย บ.ก. โก๋แก
วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เมื่อเจ็ดสิบล้านปีก่อน
เมื่อเจ็ดสิบล้านปีก่อน
บนทางกาแล็คซี่ ช้างเผือก
ตัดกับกาแล็คซี่ โคเมี่ยม ที่ 747
ได้เกิด เหตุการณ์ ละทึกครั้งมโหรานขึ้น
เมื่อ ดาวพูโตรไนซ์ ไซย่า วิ่งชนเข้ากับดาว สะเป็คตั้ม
ทำให้ ระบบการโคจร ของ จักรวาลปั่นป่วน
ทำให้โลก หมุนช้าลงไปชั่วขณะ คำนวนได้ประมาณว่า ช้ากล่าวเดิม
ยี่สิบห้าปีแสง
ต่อมา ทำให้น้ำทะเลในโลก กระเทือนอย่างแรง
ได้กลื่นกินอ่าว เม็กซิโก ไปเกิน ครึ่งหนึ่ง
เหล่า อุกาบาต ได้วิ่งชน ทวีป แอตแลนติก
ทำให้เกิด หลุมใหญ่ สามร้อยกิโลเมตร
สิ่งมีชีวิต ตายหมดเลย
ต่อมา ดาวเร็สก้า ได้กำเหนิดขึ้น
เหล่า เอเลี่ยน ได้มีการพัฒนา ยานพาหะ ที่ขับเคลื่อนด้วย
พลังงาน แสง ความเร็วสูงขึ้น ต่างอบพะยบเข้ามายังโลกเราในยุคนั้น
ตามตำนาน และ คำภีร์ อสุระเวทย์ บอกว่าเหล่า เอเลี่ยนเหล่านั้น
ได้มากำเหนิดยังโลก และ ได้แพร่พันธ์ อย่างรวดเร็ว
เอเลี่ยนเหล่านั้นไม่กินอาหาร แต่นิยมเสพแสง จาก ดาวอาเทติก้า
ซึ่งมีพลังงานความร้อน มากกว่าดวงอาทิตย์ เจ็ดล้านเท่า
ธาตุที่ทนความร้อนได้ในตอนนั้น คือ เล็คน่ายาไนซ์
ซึ่งเหล่าเอเลี่ยนนิยมเอามาผลิต ยานพาหะ ที่จะขับเคลื่อนไปยังดาวต่างๆได้
ต่อมา
ได้เกิดการแย่งชิง โลก ระหว่าง เหล่าเอเลี่ยนขาว กับ พวก เอเลี่ยนดำ
เอเลี่ยนดำมีพลังงานไฟฟ้าประหลาดในตัว
เขาใช้พลังงานเหล่านี้ สะกด เหล่าเอเลี่ยนขาว
ทำให้เหล่าเอเลี่ยนขาว ถูกไฟฟ้าพลังงานสูง ซ็อต ตายหมดเลย
ต่อมา เอเลี่ยนดำได้เป็นใหญ่ ในจักรภพ ทางช้างเผือก
ตำนานบอกว่า พลังงานไฟฟ้า ของเอเลี่ยนดำนั้น
มีกำลังสูง เท่ากับ ยี่สิบแปดล้าน เมกะ วัตต์ ต่อ หนึ่งตัว
สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าเหล่านั้น สือสารกัน และยิงประสานเข้าหากัน
ประจุไฟฟ้าเหล่านั้น มีอานุภาพที่ทำให้ อุกาบาต เล็กๆน้อยๆ ที่จะวิ่งชนโลก เบี่ยงเบนทิศทาง
ทำให้โลก กับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
เมื่อโลก เกิด สะมะดุลใหม่ เหล่าเอเลี่ยนดำ จึงเพาะ สิ่งมีชีวิตขึ้น
ในใต้ทะเล ทำให้กำเหนิด เป็น ปลาหมึกยักษ์ ตัวมหึมา
ต่อมาก็ได้เกิด สิ่งมีชีวิตหลายอย่างตามมา รวมทั้ง มนุษย์ และ เหล่า แมลงมากมาย
ต่อมาเอเลี่ยนดำ ได้ ทิ้งโลกเราไป
อยู่ในมิติ ที่ เจ็ด ในเครือจักรภพ ซึ่งห่างจาก โลกเราประมาณ เก้าล้าน อินฟินิตส์
มิติที่เจ็ดนี้ ยังบอกอีกว่า แหล่งนั้นเป็น แหล่ง
ทดสอบ มหาโปรเจ็คต์ ของเหล่า เอเลี่ยนดำ
มิติเจ็ด ทำให้เกิด หลุมดำมากมาย
หลุมดำเหล่านั้น เกิดจากการทดลองยิงพลังงานไฟฟ้าประสาน ระหว่างพวกเอเลี่ยนดำด้วยกัน
ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ เอเลี่ยนดำ ไม่สามารถควบคุมพลังงานไฟฟ้าในตัวได้
ทำให้ดาวเคราะห์น้อย ที่โดนยิง แตกละลาย จนกลายเป็นหลุมดำ
มีตอนหนึ่งในคำภีร์ บอกว่า อุกาบาต ที่แตกออกมา ทะลุข้าม มายังมิติ ห้า
ซึงเป็นมิติที่ใกล้โลกที่สุด
วิ่งชนเข้ากับ ดวงจันทร์ อย่างแรง
ทำให้เกิดหลุมใหญ่ สามพันธ์ กิโลเมตร
เกือบผ่าโลกพระจันทร์แตกในตอนนั้น
ไฟเผาน้ำทะเลในดวงจันทร์หมดเลย ทำให้สนามแม่เหล็กบนดวงจันทร์ ปั่นป่วน จนเกิดการเบี่ยงเบน
สิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์ ตายอย่างกะทันหัน ทำให้ดวงจันทร์ กลายเป็นดาวร้าง มาตั้งแต่ตอนนั้น
เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ โลกได้รับผลกระทบ
คือ
ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกเล็กลง สองเท่าตัว รวมทั้งคนเราด้วย
โปรดติดตาม ตำนาน จักรภพ ตอนต่อไป ในเดือนหน้า วันและเวลาเดียวกัน
ขอสงวน สิทธิ์ สำนวนการเขียน ทุกสำนวน
โดย บ.ก. โก๋แก่
แห่งค่าย
เวิลด์ ไวด์ เว็บ ดอท สกายเว็บบอร์ด ดอท คอม
บนทางกาแล็คซี่ ช้างเผือก
ตัดกับกาแล็คซี่ โคเมี่ยม ที่ 747
ได้เกิด เหตุการณ์ ละทึกครั้งมโหรานขึ้น
เมื่อ ดาวพูโตรไนซ์ ไซย่า วิ่งชนเข้ากับดาว สะเป็คตั้ม
ทำให้ ระบบการโคจร ของ จักรวาลปั่นป่วน
ทำให้โลก หมุนช้าลงไปชั่วขณะ คำนวนได้ประมาณว่า ช้ากล่าวเดิม
ยี่สิบห้าปีแสง
ต่อมา ทำให้น้ำทะเลในโลก กระเทือนอย่างแรง
ได้กลื่นกินอ่าว เม็กซิโก ไปเกิน ครึ่งหนึ่ง
เหล่า อุกาบาต ได้วิ่งชน ทวีป แอตแลนติก
ทำให้เกิด หลุมใหญ่ สามร้อยกิโลเมตร
สิ่งมีชีวิต ตายหมดเลย
ต่อมา ดาวเร็สก้า ได้กำเหนิดขึ้น
เหล่า เอเลี่ยน ได้มีการพัฒนา ยานพาหะ ที่ขับเคลื่อนด้วย
พลังงาน แสง ความเร็วสูงขึ้น ต่างอบพะยบเข้ามายังโลกเราในยุคนั้น
ตามตำนาน และ คำภีร์ อสุระเวทย์ บอกว่าเหล่า เอเลี่ยนเหล่านั้น
ได้มากำเหนิดยังโลก และ ได้แพร่พันธ์ อย่างรวดเร็ว
เอเลี่ยนเหล่านั้นไม่กินอาหาร แต่นิยมเสพแสง จาก ดาวอาเทติก้า
ซึ่งมีพลังงานความร้อน มากกว่าดวงอาทิตย์ เจ็ดล้านเท่า
ธาตุที่ทนความร้อนได้ในตอนนั้น คือ เล็คน่ายาไนซ์
ซึ่งเหล่าเอเลี่ยนนิยมเอามาผลิต ยานพาหะ ที่จะขับเคลื่อนไปยังดาวต่างๆได้
ต่อมา
ได้เกิดการแย่งชิง โลก ระหว่าง เหล่าเอเลี่ยนขาว กับ พวก เอเลี่ยนดำ
เอเลี่ยนดำมีพลังงานไฟฟ้าประหลาดในตัว
เขาใช้พลังงานเหล่านี้ สะกด เหล่าเอเลี่ยนขาว
ทำให้เหล่าเอเลี่ยนขาว ถูกไฟฟ้าพลังงานสูง ซ็อต ตายหมดเลย
ต่อมา เอเลี่ยนดำได้เป็นใหญ่ ในจักรภพ ทางช้างเผือก
ตำนานบอกว่า พลังงานไฟฟ้า ของเอเลี่ยนดำนั้น
มีกำลังสูง เท่ากับ ยี่สิบแปดล้าน เมกะ วัตต์ ต่อ หนึ่งตัว
สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าเหล่านั้น สือสารกัน และยิงประสานเข้าหากัน
ประจุไฟฟ้าเหล่านั้น มีอานุภาพที่ทำให้ อุกาบาต เล็กๆน้อยๆ ที่จะวิ่งชนโลก เบี่ยงเบนทิศทาง
ทำให้โลก กับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
เมื่อโลก เกิด สะมะดุลใหม่ เหล่าเอเลี่ยนดำ จึงเพาะ สิ่งมีชีวิตขึ้น
ในใต้ทะเล ทำให้กำเหนิด เป็น ปลาหมึกยักษ์ ตัวมหึมา
ต่อมาก็ได้เกิด สิ่งมีชีวิตหลายอย่างตามมา รวมทั้ง มนุษย์ และ เหล่า แมลงมากมาย
ต่อมาเอเลี่ยนดำ ได้ ทิ้งโลกเราไป
อยู่ในมิติ ที่ เจ็ด ในเครือจักรภพ ซึ่งห่างจาก โลกเราประมาณ เก้าล้าน อินฟินิตส์
มิติที่เจ็ดนี้ ยังบอกอีกว่า แหล่งนั้นเป็น แหล่ง
ทดสอบ มหาโปรเจ็คต์ ของเหล่า เอเลี่ยนดำ
มิติเจ็ด ทำให้เกิด หลุมดำมากมาย
หลุมดำเหล่านั้น เกิดจากการทดลองยิงพลังงานไฟฟ้าประสาน ระหว่างพวกเอเลี่ยนดำด้วยกัน
ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ เอเลี่ยนดำ ไม่สามารถควบคุมพลังงานไฟฟ้าในตัวได้
ทำให้ดาวเคราะห์น้อย ที่โดนยิง แตกละลาย จนกลายเป็นหลุมดำ
มีตอนหนึ่งในคำภีร์ บอกว่า อุกาบาต ที่แตกออกมา ทะลุข้าม มายังมิติ ห้า
ซึงเป็นมิติที่ใกล้โลกที่สุด
วิ่งชนเข้ากับ ดวงจันทร์ อย่างแรง
ทำให้เกิดหลุมใหญ่ สามพันธ์ กิโลเมตร
เกือบผ่าโลกพระจันทร์แตกในตอนนั้น
ไฟเผาน้ำทะเลในดวงจันทร์หมดเลย ทำให้สนามแม่เหล็กบนดวงจันทร์ ปั่นป่วน จนเกิดการเบี่ยงเบน
สิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์ ตายอย่างกะทันหัน ทำให้ดวงจันทร์ กลายเป็นดาวร้าง มาตั้งแต่ตอนนั้น
เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ โลกได้รับผลกระทบ
คือ
ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกเล็กลง สองเท่าตัว รวมทั้งคนเราด้วย
โปรดติดตาม ตำนาน จักรภพ ตอนต่อไป ในเดือนหน้า วันและเวลาเดียวกัน
ขอสงวน สิทธิ์ สำนวนการเขียน ทุกสำนวน
โดย บ.ก. โก๋แก่
แห่งค่าย
เวิลด์ ไวด์ เว็บ ดอท สกายเว็บบอร์ด ดอท คอม
วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันนี้ เป็ปซี่ กับ โลโก้ใหม่ และ ปริมาตร บรรจุ แบบใหม่
ทำไมเป็ปซี่ รุ่นใหม่ จึงบรรจุ
เพียง 422 Cm. กำลัง 3
ตามหลักการทางการตลาดแล้ว
การที่จะบรรจุ เครื่องดื่ม ที่เป็นของเหลวนั้น
มีสูตรอยู่ว่า จะต้องนำ คนจำนวน ร้อยคน
เด็ก ผู้ใหญ่ คนสูงวัย มารวมกัน
จากนั้น
ก็จะเอา เป็ปซี่ ใส่ถังใหญ่ๆ ที่มีการวัดประริมาตร เอาไว้อย่างดี
แล้วก็จะนำคนจำนวนร้อยคน นั้น
ไปวิ่งออกกำลังกาย
ให้เหงื่อ ออก และ กะหายน้ำ
จากนั้่น ก็ให้นั่งพัก หนึ่งนาที
จากนั้น ก็จะให้ไปกดกินเป็ปซี่ ฟรีๆ จนอิ่ม
แล้วก็ให้แยกย้ายกันกลับบ้าน
สูตรการคำนวน บรรจุขวด มีอยู่ว่า
เป็ปซี่ร้อยลิตรในถังใหญ่ เหลืออยู่เท่าไหร่
คนร้อยคนกินไปเท่าไหร่
หัก ลบ กลบหนี้ ตัวเลขแล้ว
ก็นำมาเป็นตัวเลข ที่บรรจุ ลงในขวด
โดย ค่าเบี่ยงเบน มาตราฐาน เท่ากับ 7.5 เพดานขึ้นลงไม่เเกิน 10 และ ลบ 10
จากนั้น เราก็จะได้
ปริมาตร การ บรรจุขวดที่เป็นเป็น มาตราฐาน สากล ระดับโลก
เป็ปซี่ รุ่น ใหม่ จึงมีปริมาณ การบรรจุขวด
เท่ากับ
422 Cm. กำลัง 3
เป็ปซี่ จะ อร่อยมากถ้ากินกับ ส้มตำ ไก่ย่าง ส้มผักเสี้ยน และ ก้อยบักหอย
แหล่งที่มา จากทีมงาน
นักการการตลาด อีสานสะเดิด
นำทีม โดย บ.ก. โก๋แก่ แห่ง ค่าย สกาย เว็บบอร์ด ดอท คอม
ป็ปซี่โลโก้ใหม่ สะใจวัย ทีน คุณลองแล้วหรือยัง
ปริมาณ บรรจุ 422 Cm. กำลัง 3
สิบ บาท เท่านั้น
หวาน ซ่าส์ สะใจ เป็ปซี่ รุ่นใหม่ ใส่ใจวัยเลิฟ "เด้อ สิบอกไห่"
เพียง 422 Cm. กำลัง 3
ตามหลักการทางการตลาดแล้ว
การที่จะบรรจุ เครื่องดื่ม ที่เป็นของเหลวนั้น
มีสูตรอยู่ว่า จะต้องนำ คนจำนวน ร้อยคน
เด็ก ผู้ใหญ่ คนสูงวัย มารวมกัน
จากนั้น
ก็จะเอา เป็ปซี่ ใส่ถังใหญ่ๆ ที่มีการวัดประริมาตร เอาไว้อย่างดี
แล้วก็จะนำคนจำนวนร้อยคน นั้น
ไปวิ่งออกกำลังกาย
ให้เหงื่อ ออก และ กะหายน้ำ
จากนั้่น ก็ให้นั่งพัก หนึ่งนาที
จากนั้น ก็จะให้ไปกดกินเป็ปซี่ ฟรีๆ จนอิ่ม
แล้วก็ให้แยกย้ายกันกลับบ้าน
สูตรการคำนวน บรรจุขวด มีอยู่ว่า
เป็ปซี่ร้อยลิตรในถังใหญ่ เหลืออยู่เท่าไหร่
คนร้อยคนกินไปเท่าไหร่
หัก ลบ กลบหนี้ ตัวเลขแล้ว
ก็นำมาเป็นตัวเลข ที่บรรจุ ลงในขวด
โดย ค่าเบี่ยงเบน มาตราฐาน เท่ากับ 7.5 เพดานขึ้นลงไม่เเกิน 10 และ ลบ 10
จากนั้น เราก็จะได้
ปริมาตร การ บรรจุขวดที่เป็นเป็น มาตราฐาน สากล ระดับโลก
เป็ปซี่ รุ่น ใหม่ จึงมีปริมาณ การบรรจุขวด
เท่ากับ
422 Cm. กำลัง 3
เป็ปซี่ จะ อร่อยมากถ้ากินกับ ส้มตำ ไก่ย่าง ส้มผักเสี้ยน และ ก้อยบักหอย
แหล่งที่มา จากทีมงาน
นักการการตลาด อีสานสะเดิด
นำทีม โดย บ.ก. โก๋แก่ แห่ง ค่าย สกาย เว็บบอร์ด ดอท คอม
ป็ปซี่โลโก้ใหม่ สะใจวัย ทีน คุณลองแล้วหรือยัง
ปริมาณ บรรจุ 422 Cm. กำลัง 3
สิบ บาท เท่านั้น
หวาน ซ่าส์ สะใจ เป็ปซี่ รุ่นใหม่ ใส่ใจวัยเลิฟ "เด้อ สิบอกไห่"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)